Please wait...

การจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์

การจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์

07 Aug 2019
เมื่อการทำงานของธุรกิจเติบโตมากขึ้น หลายๆ องค์กรจึงเลือกที่จะนำบริษัทของตนเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นในการเติบโตและพัฒนา ทั้งในด้านเงินทุน การส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านความโปร่งใสที่ทำให้เห็นถึงการทำงานของธุรกิจที่ได้รับมาตรฐาน ซึ่งก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในอนาคตมากขึ้นจนอาจมีอำนาจในการต่อรอง และเกิดการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การเข้าตลาดหลักทรัพย์ยังได้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอีกด้วย

คุณสมบัติของการเข้าจดทะเบียน
บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีความโปร่งใส โดยไม่ขัดต่อนโยบายสาธารณะหรือนโยบายของรัฐ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือต่อตลาดทุนไทยโดยรวม และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือทำให้ผู้ลงทุนโดยรวมไม่ได้รับความเป็นธรรม บริษัทจะสามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นให้ประชาชน (Initial public offering: IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ต้องเป็นบริษัทมหาชน และมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดี

การที่บริษัทจะสามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นให้ประชาชน (Initial public offering: IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ บริษัทต้องมีการเตรียมความพร้อมในหลายด้าน และต้องดำเนินการตามกฎหมาย ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสรุปเรื่องสำคัญที่บริษัทต้องเตรียมความพร้อมก่อนเสนอขายหุ้นต่อประชาชนและเข้าจดทะเบียน ดังนี้
 
เข้าใจบทบาทและหน้าที่ของกรรมการ - กรรมการ ผู้บริหารเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของตนตาม พรบ.หลักทรัพย์ฯ
- โครงสร้างกรรมการมีการตรวจสอบ ถ่วงดุล
- คุณสมบัติและการเลือกกรรมการที่มีทักษะ ประสบการณ์ และเวลาที่จะให้แก่บริษัทได้
จัดโครงสร้างธุรกิจ - จัดโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจน เพื่อลดโอกาสที่อาจจะเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์
- การดำเนินงานโปร่งใส ตรวจสอบได้ ขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์
- ดูความเหมาะสมของรายการกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
เตรียมระบบควบคุมภายใน - ระบบการควบคุมภายในที่ดี (Check and Balance)
- การมอบอำนาจเพื่อดำเนินการต่างๆ
เตรียมระบบบัญชี - เตรียมความพร้อมงบการเงิน จัดทำตามมาตรฐานบัญชี
- เตรียมความพร้อมให้กับสมุห์บัญชีและ CFO
ให้ความร่วมมือกับ FA และ Auditor - จัดให้ FA ทำงานร่วมกับ Auditor
- Pre-consult ประเด็นต่างๆ ก่อนยื่น IPO



การเตรียมตัวและระยะเวลาเตรียมการ
 
ระยะเวลาเตรียมการ การเตรียมตัว
18 - 24 เดือน ก่อนยื่นคำขอ - ศึกษาข้อมูลและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด เกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. เกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน เกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการรับหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียน
- คัดเลือก ที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อช่วยเหลือในด้านการให้คำปรึกษาและการเตรียมการ
- ให้ข้อมูลรายละเอียดแก่ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ และปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
- วางแผนการจัดเตรียมข้อมูลและตารางเวลาดำเนินการ
- จัดโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท และกลุ่มบริษัทให้ปราศจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และเตรียมการให้มีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี
- แต่งตั้ง ผู้สอบบัญชี ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อจัดเตรียมงบการเงินและข้อมูลทางบัญชีในรูปแบบที่ถูกต้องตามมาตรฐาน
- แต่งตั้ง ผู้ตรวจสอบภายใน เพื่อประเมิน ปรับปรุง ระบบควบคุมภายใน
- แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบ
- ซ้อมจัดทำงบการเงินอย่างน้อย 2 ไตรมาส ให้แน่ใจว่าทำได้ทันตามกำหนดเวลา
6 เดือน ก่อนยื่นคำขอ - จัดเตรียมเอกสารสำหรับยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต./ ตลาดหลักทรัพย์ฯ
- นัดหารือประเด็นที่สำคัญ (Pre-consult) กับสำนักงาน ก.ล.ต./ ตลาดหลักทรัพย์ฯ
- วางแผนและศึกษาการกำหนดราคาและจัดจำหน่ายหุ้น
- จัดเตรียมแผนประชาสัมพันธ์
1-2 เดือน ก่อนยื่นคำขอ - การแปรสภาพบริษัทเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
- จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- แต่งตั้ง นายทะเบียนหลักทรัพย์
- ร่วมวางแผนกำหนดการที่สำคัญ เช่น การตรวจ Working paper ของ FA / Auditor การเยี่ยมชมกิจการและตอบข้อซักถามของสำนักงาน ก.ล.ต.
- จัดเตรียมเอกสารสำหรับยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ / สำนักงาน ก.ล.ต.
  - ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ / ยื่นคำขอเสนอขายหุ้น IPO ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.
- เตรียมการเรื่องการเยี่ยมชมกิจการ และตอบข้อซักถามของตลาดหลักทรัพย์ฯ และ สำนักงาน ก.ล.ต.
- เสนอขายหุ้นแก่ประชาชน
- เริ่มซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ


หมายเหตุ : ระยะเวลาเตรียมการดังกล่าวเป็นระยะเวลาโดยประมาณภายใต้สมมติฐานว่าบริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนอยู่แล้ว โดยอาจมีเรื่องที่ต้องดำเนินการหรือปรับปรุงแก้ไขไม่มากนัก